ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท

หยิบความเป็นไทยมาใส่ในทุกแง่มุม

Hyatt Regency ไฮแอท รีเจนซี่

     กรุงเทพฯ เมืองที่มีความหลากหลายในหลายแง่มุม ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หรือเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้ ความตื่นตาตื่นใจของกรุงเทพฯ ก็มีให้ได้สัมผัสในแทบทุกตารางนิ้วของเมือง อย่างเช่นในฉบับนี้ เราได้มีโอกาสแวะมาเยี่ยมชมโรงแรมแห่งใหม่ ใจกลางสุขุมวิท ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ที่เพิ่งเปิดต้อนรับนักเดินทางเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งความพิเศษของที่นี่ก็คือ เป็นโครงการแบบ Mixed-use ที่ประกอบไปด้วยห้องพัก ร้านอาหาร และภายนอกยังล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวให้รู้สึกได้ถึงความสดชื่นใจกลางกรุง

     ตัวโรงแรมประกอบไปด้วยห้องพักทั้งหมด 273 ห้อง รวมถึงห้องสวีทจำนวน 21 ห้อง โดยห้องมาตรฐานจะเริ่มต้นที่ขนาด 35 ตารางเมตร และขนาดใหญ่สุด คือ 209 ตารางเมตร ห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท ตั้งอยู่บนชั้น 28 สำหรับผู้ที่เข้าพักในชั้น 27 จะสามารถเข้าใช้บริการ Regency Club Lounge ที่สามารถเช็คอินและเช็คเอาท์แบบส่วนตัว รวมถึงละเลียดไปกับอาหารและเครื่องดื่มพร้อมวิวกรุงเทพแบบสุดสายตา ทั้งหมดนี้ตกแต่งในสไตล์บ้านทรงไทยสมัยใหม่ ที่เราประทับใจตั้งแต่พรมที่มีลูกเล่นเป็นลายไทย ภาพประดับลายไทยต่างๆ ที่หาดูได้ยาก

     นอกจากห้องพักแล้ว หนึ่งในเสน่ห์ของที่นี่ ก็คือ อาหารไทยรสชาติเข้มข้น ที่คัดสรรเมนูและวัตถุดิบคุณภาพ มาเสิร์ฟให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ลิ้มรสอาหารไทยแบบต้นตำรับ ณ ห้องอาหาร มาร์เก็ตคาเฟ่ ชั้น 4 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตลาดน้ำสมัยโบราณ ประดับตกแต่งด้วยเครื่องครัวที่หาได้ยาก อย่างกระต่ายขูดมะพร้าว หินโม่แป้ง เมนูที่เราอยากแนะนำให้ลองชิมกันก็คือ แกงปูใบชะพลู ที่ใส่เนื้อปูมาอย่างไม่ยั้ง ยำส้มโอกุ้งสด รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ปีกไก่ทอดแจ่ว ที่ได้รสแจ่วแซ่บๆ คลุกเคล้ามากับปีกไก่ทอด และกุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมตัวโตๆ ที่ดูน่าทานมากๆ หลังจากอิ่มแล้ว ก็ปิดท้ายด้วยกาแฟสักแก้วให้ได้นั่งย่อยอาหารก่อนจะไปเยี่ยมชมบริเวณอื่น

     ปิดท้ายกันด้วยไฮไลต์บนยอดสุดของตึก สเปคทรัม เลาจน์ แอนด์ บาร์ ที่ชั้น 29 และ 30 ที่พิเศษสุด ๆ ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ประตูทางเข้า เคาน์เตอร์บาร์ ที่จะเลือกนั่งคุยสบาย ๆ กับบาร์เทนเดอร์ หรือจะเดินออกไปรับอากาศด้านนอก ที่มีบาร์แบบเปิดคอยให้บริการ หรือถ้าชอบฟังดนตรีสดก็สามารถนั่งฟังด้านใน แต่ถ้าชอบฟังเพลงแนว House / Up-Beat ก็จะมีดีเจมาเปิดแผ่นให้ฟังกันสดๆ พร้อมจิบเครื่องดื่มไปด้วย ถ้ามาครั้งแรกแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะสั่งอะไรดี เราขอแนะนำซิกเนเจอร์ค็อกเทลของที่นี่ Hole in One ที่โดดเด่นด้วยสีเหลือง ให้รสชาติของผลไม้รสเปรี้ยว Eddy Murphy สีแดงสดใส Mad Mango ได้รสชาติของน้ำมะม่วงและพริกเกลือที่ขอบแก้ว และสุดท้าย Misty Nu ที่ใช้ส่วนผสมหลักเป็นกาแฟ กลายเป็นค็อกเทลที่ได้ทั้งความหอมของกาแฟ และควันไม้ที่อบอวลอยู่ภายในแก้ว เป็นอันจบวันแห่งความประทับใจ ที่ใส่ความเป็นไทยเข้าไปในทุกแง่มุมได้อย่างสร้างสรรค์

Share on facebook
Facebook
Close Menu
×

Cart

Subscription

ลงทะเบียนเพื่อรับนิตยสาร bitter/sweet รูปแบบ e-magazine

รับข่าวสารโปรโมชั่นและอัพเดทกิจกรรมพิเศษจาก บอนกาแฟ ก่อนใคร

    ชื่อ-นามสกุล *

    อีเมล *

    รูปแบบการใช้งาน *

    [recaptcha]