Modbar Espresso AV
หลังจากที่ได้สร้างความประทับใจในรูปลักษณ์ใหม่ของเครื่องทำกาแฟ ที่ช่วยลดระยะห่างระหว่างบาริสต้าและผู้ดื่ม ด้วยการนำอุปกรณ์ทุกอย่างเก็บไว้ใต้เคาน์เตอร์ Modbar ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่บาริสต้าหลายคนอยากสัมผัส และเลือกนำมาใช้ที่ร้าน จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของร้านกาแฟ ที่หันมาเปิดเคาน์เตอร์โลกด้วยการใช้ Modbar ซึ่งคอกาแฟหลายคนก็คงจะเริ่มเห็นร้านสไตล์นี้แพร่หลายมากขึ้น และอยากไปสัมผัสทั้งบรรยากาศ และรสชาติของกาแฟจาก Modbar ที่ประกอบด้วย Espresso AV ก้าน Steam และ Pour Over สามระบบที่ครอบคลุมการทำกาแฟหลากหลายเมนู และตั้งแต่ Modbar ได้ปรากฏตัวสู่วงการกาแฟ ทีมวิจัยและพัฒนาก็ไม่ได้หยุดความสำเร็จอยู่เพียงแค่นั้น แต่ได้นำคำแนะนำของลูกค้ามาใช้มาพัฒนาต่อยอด กลายเป็นโมดูลเอสเพรสโซ่ซีรี่ส์ใหม่ขึ้นมา ก็คือ Modbar Espresso AV ที่เราอยากแนะนำให้คุณรู้จัก
หากใครที่ติดตาม Modbar มาตั้งแต่ต้น ก็น่าจะรู้ว่าเครื่องทำกาแฟแสนพิเศษนี้ ได้รับการพัฒนาร่วมกันกับค่ายใหญ่อย่าง La Marzocco โดย Modbar Espresso AV นั้นได้ใช้รากฐานเทคโนโลยีมาจาก La Marzocco Linea PB และ La Marzocco Linea Mini ซึ่งเป็นเครื่องทำกาแฟที่เป็นที่ยอมรับของเหล่าบาริสต้าชั้นนำ เช่นเดียวกับ La Marzocco ตระกูล AV ที่มีความอึด รองรับลูกค้าจำนวนมากได้แบบไม่มีปัญหา ด้วยระบบ Auto-Volumetric หรือการวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ซับซ้อนมากแต่ให้ความเที่ยงตรงแม่นยำสูง
หลายคนคงสงสัยถึงความแตกต่างระหว่าง Modbar Espresso AV และ Modbar Espresso EP เพราะด้วยหน้าตาภายนอกก็แทบจะไม่มีความต่าง ยกเว้นบริเวณจอสำหรับดูเวลาช็อต คันโยก และก้านชง แต่จริงๆ แล้วความต่างของมันก็คือ Modbar Espresso EP ในหนึ่งโมดูลจะสามารถรองรับได้เพียงหนึ่งหัวแทป ส่วน Modbar Espresso AV จะสามารถรองรับได้ถึงสองหัวแทป โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มไฟเลี้ยงสำหรับหัวที่สอง ซึ่งหัวแทปของ Modbar Espresso EP จะมีโปรแกรมอยู่ 3 รูปแบบ คือ Manual, Rinse และ Auto ที่กำหนดโปรไฟล์เอาไว้ และเลือกโปรไฟล์มาไว้ที่หัวแทปได้เพียงหนึ่งโปรไฟล์เท่านั้น แต่ Modbar Espresso AV สามารถเรียกใช้ผ่านหัวแทปได้ถึง 4 โปรไฟล์
นอกจากนี้ การพัฒนาจากรุ่นก่อนก็ไม่ได้มีแต่สำหรับบาริสต้าเท่านั้น Modbar Espresso AV เลือกที่จะย้ายจุดต่อท่อน้ำทั้งหมดจากด้านหลังมาไว้ด้านข้าง เพราะโมดูลที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์นั้นมักจะอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดและคับแคบ การย้ายจุดต่อท่อน้ำจึงทำให้การทำงานของช่างทั้งชุดติดตั้งและชุดซ่อมบำรุงง่ายขึ้นไปด้วย ส่วนสมรรถนะในการทำกาแฟก็ยังคงสามารถรองรับลูกค้าปริมาณมากและทำกาแฟได้ต่อเนื่อง โดยที่มาตรฐานของกาแฟแต่ละแก้วก็ไม่ผิดเพี้ยนเพราะควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ P.I.D. (Proportional Intergral Derivation) เพียงแต่การออกแบบและติดตั้งระบบที่แตกต่างกัน ทำให้ Modbar ต้องมีการเก็บข้อมูลทั้งอุณหภูมิและเวลาจากหลายจุด และมีระบบให้ความร้อนหลายพื้นที่ เพื่อชดเชยความแตกต่างกับเครื่องเอสเพรสโซ่แบบตั้งโต๊ะที่น้ำแทบจะสัมผัสกาแฟทันทีที่ออกจากหม้อต้ม
ถึงจะเป็นเช่นนั้น การทำการบ้านอย่างหนัก ก็ทำให้ Modbar Espresso AV สามารถปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำให้ได้อุณหภูมิที่เที่ยงตรงเช่นเดียวกับ La Marzocco Linea Mini และ La Marzocco Linea PB ถึงแม้โมดูลและหัวแทปจะอยู่ห่างกันถึง 1.5 เมตร รวมถึงวิธีวิเคราะห์การไหลหยดของน้ำกาแฟอันแสนชาญฉลาด ตัวระบบเองจะเก็บข้อมูลการไหลของน้ำกาแฟแต่ละช็อตอย่างละเอียดและคาดการณ์ถึงลักษณะการไหลของน้ำต่อจากนั้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้หยุดการสกัดได้แม่นยำโดยไม่ต้องอาศัยการทำงานเพิ่มเติมจากบาริสต้า
ทุกระบบที่กล่าวมาสามารถช่วยให้บาริสต้าสร้างสรรค์กาแฟที่ดีงามและมีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งหน้าตาของบาร์ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้โล่งขึ้น ให้ทั้งบาริสต้า และลูกค้า ได้เพิ่มเติมบทสนทนาที่น่าประทับใจไม่แพ้เครื่องดื่มในแก้วแน่นอน
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
-
- ลดราคา! เลือกรูปแบบ
- เครื่องทำกาแฟ ลามาร์ซอคโค MODBAR, EP (Pre-Order)
-
฿390,000.00฿331,500.00
-
- ลดราคา! เลือกรูปแบบ
- เครื่องทำกาแฟ ลามาร์ซอคโค MODBAR, AV (Pre-Order)
- ฿323,000.00 – ฿380,000.00
-
- ลดราคา! เลือกรูปแบบ
- เครื่องทำกาแฟ ลามาร์ซอคโค MODBAR STEAM (Pre-Order)
-
฿240,000.00฿204,000.00
-
- ลดราคา! เลือกรูปแบบ
- เครื่องทำกาแฟ ลามาร์ซอคโค MODBAR POUR – OVER (Pre-Order)
-
฿290,000.00฿246,500.00