BON LIBRARY

เปลี่ยนไลฟ์สไตล์คอกาแฟรุ่นใหม่ด้วยกาแฟแคปซูล คุ้มค่า ราคาจับต้องได้

ในปัจจุบัน เทรนด์การดื่มกาแฟก็ยังคงเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนคอกาแฟหลาย ๆ ท่านเริ่มเปลี่ยนไป มีการ Work from home มากยิ่งขึ้น ทำให้คอกาแฟมีเวลาอยู่บ้านมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ออกมาในปัจจุบัน ก็ช่วยทำให้คอกาแฟทั้งหลายเข้าถึงกาแฟได้ง่ายขึ้น และประหยัดมากขึ้น ด้วยเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล วันนี้ บอนกาแฟ จึงพาทุกท่านไปดูความคุ้มค่าของเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลที่ควรมีติดบ้านไว้ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์คอกาแฟรุ่นใหม่ให้สามารถดื่มกาแฟได้ง่าย ๆ คุ้มค่า ราคาประหยัด มีติดบ้านได้สบาย ๆ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการชงกาแฟมาก่อนก็ทำได้

เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล ถูกพัฒนา และออกแบบมาให้ชงกาแฟได้แบบง่ายดาย ซึ่งวิธีการใช้งานเพียงแค่เติมน้ำลงในเครื่อง เปิดเครื่อง รอให้เครื่องทำความร้อนประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาที จากนั้นหยอดกาแฟแคปซูลรสชาติที่ต้องการลงไปในเครื่อง และกดสกัดช็อต เท่านี้ก็จะได้กาแฟแก้วโปรดหอมกรุ่นตามความชอบของแต่ละบุคคลได้แล้ว โดยใช้เวลาในการทำทั้งหมดไม่ถึง 3 นาที เรียกได้ว่าประหยัดเวลาในการใช้ชีวิตไปได้อีกมาก อยากดื่มกาแฟเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้เลย

ในปัจจุบัน เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลมีราคาที่เข้าถึงง่าย มีราคาเริ่มต้นที่หลักพันบาทต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น จึงสะดวกต่อการมีติดบ้านไว้ โดยในปัจจุบันแต่ละแบรนด์ผู้ผลิตต่างก็ได้พัฒนากาแฟแคปซูลออกมาให้ได้รสชาติที่หลากหลาย หอมกรุ่น เต็มรสชาติกาแฟแท้ ๆ ทำให้ปัจจุบันการดื่มกาแฟแคปซูลจึงได้รสชาติเดียวกับการซื้อกาแฟตามร้านกาแฟทั่วไป แต่สะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน ไม่ต้องรอคิวนาน และราคาเฉลี่ยต่อแคปซูลถูกกว่ากาแฟที่ซื้อตามร้านทั่วไป จึงทำให้ปัจจุบันกาแฟแคปซูล นับเป็นทางเลือกยอดนิยมของคอกาแฟเพราะใช้งานง่าย ราคาประหยัด ขั้นตอนการชงไม่ยุ่งยาก อีกทั้งมีรสชาติของแคปซูลให้เลือกหลากหลาย

ในปัจจุบัน แต่ละแบรนด์เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลก็มักจะผลิตเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลออกมาหลากหลายรุ่น โดยมีทั้งแบบสกัดออกมาเป็นกาแฟดำ 1 / 2 ช็อต รวมไปถึงเครื่องที่สกัดได้ทั้งกาแฟดำ และสามารถทำนมร้อนไปได้ในตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟนม
แต่ก็มีข้อควรระวังในการซื้อเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล และกาแฟแคปซูลเช่นกัน เนื่องจากเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลมีหลากหลายประเภท หลากหลายยี่ห้อ แต่ละรุ่นใช้ประเภทของแคปซูลที่แตกต่างกัน รวมไปถึงบางรุ่นต้องใช้กับแคปซูลที่ออกแบบมาโดยเฉพาะของตัวเครื่อง เราจึงต้องศึกษาก่อนว่าในแต่ละรุ่นนั้น มีระบบการทำกาแฟอย่างไร สามารถใช้กาแฟแคปซูลประเภทใดได้บ้าง โดยในตลาดเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล มีฟังก์ชั่นการทำงานของเครื่องหลายประเภท และการใช้แคปซูลที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งระบบการทำงานของเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

1. ระบบแรงดันน้ำร้อน

ใช้แรงดันในการดันน้ำร้อนผ่านแคปซูลกาแฟ ทำให้สกัดกาแฟออกมาอย่างรวดเร็ว มีรสชาติเข้มข้น จึงสามารถสกัดกาแฟเอสเปรสโซ และเครื่องดื่มที่มีฟองนมเช่น ลาเต้หรือคาปูชิโน่ได้ดี เนื่องจากใช้แรงดันสูง ระดับ 15-19 บาร์ ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับความนิยม และมีวางขายในท้องตลาดมากที่สุด

2. ระบบไอน้ำ

ใช้แรงดันจากไอน้ำดันผ่านแคปซูลกาแฟแทนการใช้ปั๊มน้ำ จึงเหมาะสำหรับการชงกาแฟพื้นฐานทั่วไป เช่น กาแฟดำ แต่เพราะแรงดันของเครื่องไม่ได้สูงมาก จึงทำให้การสกัดกาแฟมีรสชาติที่เบากว่า บอดี้เจือจางกว่า

3. ระบบแรงโน้มถ่วง

ใช้หลักการดึงน้ำผ่านแคปซูลกาแฟ โดยอาศัยความดันจากถังน้ำ ทำให้การสกัดกาแฟใช้เวลานานกว่า และอาจให้รสชาติกาแฟที่เบากว่า จึงมักถูกใช้ในเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลที่มีฟังก์ชั่นการชงแบบดริป หรือกาแฟที่ไม่ต้องการแรงดันสูง (มักพบในเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลบางรุ่นของ Keurig)

รวมไปถึงยุคปัจจุบัน มีเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลที่มีฟังก์ชั่นทำนมร้อน หรือตีฟองนมได้ในตัว ซึ่งสามารถสกัดกาแฟแคปซูล และทำเมนูลาเต้ร้อนหรือคาปูชิโน่ได้โดยตรง

ประเภทของกาแฟแคปซูลที่ใช้กับเครื่องก็มีรูปทรง และการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปอีก โดยมี 7 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. Nespresso (Original Line)

กาแฟแคปซูลระบบที่เป็นที่นิยมมากที่สุด หาซื้อแคปซูลได้ง่ายที่สุด รูปทรงแคปซูลขนาดเล็ก ทำจากอลูมิเนียม

2. Nespresso (Vertuo Line)

รูปทรงแคปซูลทรงโดมขนาดใหญ่กว่า และมีบาร์โค้ดสำหรับปรับการชงให้เหมาะสมกับแต่ละชนิดของกาแฟ

3. Dolce Gusto

แคปซูลทำจากพลาสติก และมีขนาดใหญ่กว่าแคปซูลของ Nespresso

4. Caffitaly

รูปทรงเหมือนถ้วยก้นลึก สามารถใช้กับกาแฟ หรือชาที่มีอยู่ในตลาดได้

5. Lavazza A Modo Mio

แคปซูลทรงถ้วยแบนขนาดใหญ่

6. Keurig K-Cup

เป็นแคปซูลที่ใช้วิธีการสกัดกาแฟแบบหยด (Drip) ทำให้ได้กาแฟที่หลากหลายชนิด ทั้งกาแฟดำ ชา และเครื่องดื่มอื่น ๆ มีหลากหลายขนาด

7. Tassimo

เป็นแคปซูลรูปทรง pods หรือทรงดิสก์ มีบาร์โค้ดสำหรับปรับการชงให้เหมาะสมกับแต่ละชนิดของกาแฟ ทำให้มีความหลากหลายในการชงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา หรือช็อกโกแล็ต

โดยในปัจจุบัน เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตามท้องตลาด เรียกว่าเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล Nespresso

รสชาติที่ได้จากกาแฟแคปซูล

หากถามถึงความแตกต่างของรสชาติระหว่างกาแฟแคปซูล และกาแฟปกติที่ชงขายตามร้านกาแฟ (ในที่นี้จะกล่าวถึงกาแฟคั่วบดที่สกัดจากเครื่องทำกาแฟระบบเอสเพรสโซ่) จะมีความแตกต่างของรสชาติเล็กน้อย กาแฟแคปซูลจะได้บอดี้ที่เบากว่า เนื่องจากระดับแรงดันที่ต่างกัน แต่ในปัจจุบัน แต่ละแบรนด์กาแฟได้พัฒนากาแฟแคปซูลออกมาให้ได้รสชาติที่เหมือนกาแฟสดมากที่สุด มีทั้งบอดี้ที่หนักแน่น และครีม่านุ่มนวล แต่กาแฟแบบแคปซูลจะมีรสชาติที่เพิ่มมากขึ้นกว่ากาแฟคั่วบดทั่วไป เนื่องจากกาแฟแคปซูลสามารถชงเองได้ที่บ้าน แต่ละแบรนด์ผู้ผลิตจึงมักจะทำรสชาติกาแฟให้ออกมาโดดเด่นไม่ซ้ำใคร และมีรสชาติที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เช่น ลาเต้, มอคค่า, คาราเมล หรือช็อคโกแลต ทำให้เมื่อเวลาชงจะได้รสชาติที่หลากหลายโดยไม่ต้องซื้อไซรัปมาผสมเพิ่ม ช่วยประหยัดเวลาในการทำกาแฟ และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าเดิม ในขณะที่กาแฟคั่วบดที่ใช้วิธีสกัดจากเครื่องทำกาแฟระบบเอสเพรสโซ่ตามร้านทั่วไป หากอยากได้รสชาติเพิ่มเติม บาริสต้าต้องผสมไซรัป หรือผงช็อกโกแลตเพิ่ม ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมาอีกด้วย

ส่วนของรสชาติ และการเก็บรักษากาแฟแคปซูล ในปัจจุบัน ผงกาแฟที่ถูกบรรจุในรูปแบบแคปซูล จะถูกปิดผนึกอย่างดีเพื่อรักษาความสดใหม่ของกาแฟ และคงความหอมของกลิ่น การปิดผนึกจึงไม่มีอากาศเข้าไปข้างใน ไม่ทำให้ผงกาแฟโดนแสง หรือสัมผัสกับอากาศ จึงทำให้รสชาติที่ได้นั้นจะได้รสชาติที่หอมเข้มข้น และเสถียรกว่ากาแฟสดปกติ ที่อาจถูกวางทิ้งไว้ให้สัมผัสกับอากาศหรือแสงแดด

แต่อย่างไรก็ตาม กาแฟคั่วบดปกติก็จะมีกลิ่นหอมที่สดใหม่ และรสชาติที่เต็มบอดี้เมื่อสกัดออกมามากกว่า เนื่องจากเป็นกาแฟที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการกรรมวิธีการผลิตที่มากนัก เรียกได้ว่าสกัดออกจากเมล็ดกาแฟโดยตรง จึงทำให้ได้รสชาติที่เป็นกาแฟแท้ มีความซับซ้อนมากกว่า แต่ก็มีความบอบบางเช่นกัน ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาของแต่ละร้านค้า ซึ่งอาจจะสัมผัสกับอากาศ แสงแดด โดยมีผลต่อรสชาติกาแฟโดยตรง รวมไปถึงความชำนาญในการทำกาแฟของบาริสต้า ถ้าหากบดกาแฟที่มีความละเอียดมากเกินไป หรือหยาบเกินไป ก็ส่งผลต่อรสชาติกาแฟโดยตรงเช่นกัน

โดยกาแฟแคปซูล จะมีปริมาณคาเฟอีนที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 60-200 มิลลิกรัมต่อถ้วย แต่หากว่ากาแฟแคปซูลชนิดนั้นมีปริมาณกาแฟโรบัสต้าเป็นส่วนผสมมากกว่า ก็จะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 50-100 มิลลิกรัมต่อถ้วย และถ้าเป็นกาแฟแคปซูลชนิดดีแคฟ หรือชนิดที่สกัดคาเฟอีนออก จะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ประมาณ 3-6 มิลลิกรัมต่อถ้วย

ดังนั้น ผู้ที่อยากดื่มกาแฟที่บ้าน ก็สามารถเลือกใช้เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานในการทำกาแฟ เพราะกาแฟชนิดแคปซูลจะถูกบดและบรรจุมาอย่างดีด้วยคุณภาพที่สม่ำเสมอ การใช้งานในปัจจุบันก็ง่าย เพียงแค่หย่อนกาแฟแคปซูลลงในเครื่อง และกดเลือกช็อตระดับน้ำกาแฟตามความต้องการ ก็จะได้กาแฟแก้วโปรด หอมกรุ่น ชงง่าย ทำได้รวดเร็วทันใจ

สรุปข้อดีของเครื่องทำกาแฟแคปซูล
  • ใช้งานง่าย ไม่มีความรู้เรื่องชงกาแฟก็สามารถทำได้
  • สะดวก สบาย ใช้งานง่าย เพียงเปิดเครื่อง แล้วหย่อนกาแฟแคปซูลลงในเครื่อง
  • ใช้เวลาในการชงกาแฟไม่นาน
  • เมื่อหารเฉลี่ยออกมาแล้ว กาแฟแคปซูลจะประหยัดกว่าการซื้อกาแฟตามร้านทั่วไป
  • มีหลากหลายรสชาติให้เลือก
  • เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลยุคปัจจุบันราคาประหยัด และสามารถหาซื้อได้โดยง่าย

แนะนำเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลที่มีขายบนเว็บบอนกาแฟ

1. เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล คาพริสต้า เอ็น

ความจุของถัง: 0.55 ลิตร
น้ําหนัก: 3.6 กิโลกรัม
กําลังไฟ: 1300-1500 วัตต์
แรงดันปั้มน้ํา: 15 บาร์

จุดเด่น
1. ใช้งานง่าย สามารถเลือกระดับน้ำได้ 2 ระดับ คือกาแฟ 1 ช็อต และกาแฟ 2 ช็อต
2. ระบบแรงดันเสถียร ให้รสชาติคงที่มในทุก ๆ แก้ว
3. มีโหมดประหยัดพลังงานในตัว จะทำการปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อเครื่องหยุดการใช้งาน 10 นาที
4. สามารถตั้งค่าปริมาณน้ำกาแฟได้
5. ถาดวางออกแบบเพื่อแก้วกาแฟทุกไซส์
6. เติมน้ำในถังง่าย ๆ เพียงเปิดฝาข้างหลังออก

ข้อแนะนำการใช้งาน: เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล คาพริสต้า เอ็น สามารถใช้แคปซูลได้กับกาแฟแคปซูลของบอนกาแฟ, กาแฟแคปซูลเซกาเฟรโด และกาแฟแคปซูลระบบ Lavazza Blue เท่านั้น

2. เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล เซกาเฟรโด

ความจุของถัง: 0.6 ลิตร
น้ําหนัก: 2.8 กิโลกรัม
กําลังไฟ: 960 – 1,145 วัตต์
แรงดันปั้มน้ํา: 20 บาร์
จุดเด่น
สามารถเลือกระดับน้ำได้ 2 ระดับ (ทั้งแบบ 1 ช็อตและแบบลุงโก้)
ระบบควบคุมอุณหภูมิ NTC ป้องกันการ Over Heat
ทำความร้อนอย่างรวดเร็ว ด้วยระบบหม้อต้มแบบเทอร์โมบล็อก

ข้อแนะนำการใช้งาน: เครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล เซกาเฟรโด สามารถใช้แคปซูลได้กับชนิด nespresso

แนะนำกาแฟแคปซูลที่มีขายบนเว็บบอนกาแฟ

1. กาแฟแคปซูล บอนกาแฟ คาเฟ่ครีม่า

กาแฟสายพันธุ์อราบิกาแท้ 100% คั่วกลาง รสสัมผัสนุ่ม กลมกล่อม
ขนาด : 16 แคปซูล / กล่อง
ข้อแนะนำการใช้งาน: ใช้ได้กับเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลคาพริสต้าเท่านั้น
ราคา 270฿

2. กาแฟแคปซูล บอนกาแฟ เอ็กซ์ตร้า ดาร์ค

กาแฟคั่วเข้มระดับสูง เข้มเต็มรสชาติ พร้อมสัมผัสนุ่มนวล
ขนาด : 16 แคปซูล / กล่อง
ข้อแนะนำการใช้งาน: ใช้ได้กับเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลคาพริสต้าเท่านั้น
ราคา 270฿

3. กาแฟแคปซูล เซกาเฟรโด เอสเพรสโซ่

กาแฟคั่วเข้มชนิดเอสเพรสโซ่แบบอิตาเลียนแท้ รสชาตินุ่ม เข้มข้น เต็มรสสัมผัส
ขนาด : 10 แคปซูล / กล่อง
ข้อแนะนำการใช้งาน: ใช้ได้กับเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูล ระบบ Nespresso เท่านั้น
ราคา 195฿

เครื่องทำกาแฟ Modbar Espresso Coffee Machine

MODBAR ESPRESSO AV

Less is More เรียบง่าย แต่ได้มากกว่า

Close Menu
×

Cart

Subscription

ลงทะเบียนเพื่อรับนิตยสาร bitter/sweet รูปแบบ e-magazine

รับข่าวสารโปรโมชั่นและอัพเดทกิจกรรมพิเศษจาก บอนกาแฟ ก่อนใคร

    ชื่อ-นามสกุล *

    อีเมล *

    รูปแบบการใช้งาน *

    [recaptcha]