BON LIBRARY

เทคนิคเลือกเครื่องทำกาแฟสำหรับมือใหม่ คุ้มค่า คืนทุนไว ใช้งานคุ้ม

ในการลงทุนเปิดร้านกาแฟ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อาจให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งของร้าน หรือเมล็ดกาแฟที่นำมาใช้ชงเป็นหลัก แต่ส่วนสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม คือการเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟให้ตรงกับความต้องการหรือความจำเป็นของร้าน โดยอาจจะไม่ได้ศึกษารายละเอียดข้อมูลของแต่ละเครื่องอย่างถี่ถ้วน และไม่เพียงแค่เครื่องทำกาแฟเท่านั้นที่ควรคำนึง เพราะในการเปิดร้านกาแฟ นอกจากมีเครื่องทำกาแฟแล้ว ยังต้องมีเครื่องบดเมล็ดกาแฟ, อุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการชงกาแฟ, บรรจุภัณฑ์สำหรับใส่กาแฟ รวมไปถึงวัตถุดิบสำหรับเมนูต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการอยากให้มีในร้าน

ดังนั้น ปัญหาหลักของผู้ที่เริ่มต้นเปิดร้านกาแฟต้องเจอ คือการเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟสำหรับใช้ชงภายในร้านอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งถือเป็นขั้นตอนการลงทุนที่สำคัญมาก เนื่องจากเครื่องทำกาแฟมีต้นทุนสูง การซื้อหนึ่งครั้งจะต้องใช้งานในระยะเวลาหลายปี ทำให้การเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟต้องมีการศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมาก และต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพ, ฟังก์ชั่นการใช้งาน, วัสดุของเครื่อง รวมไปถึงบริการหลังการขาย เพราะเครื่องทำกาแฟนอกจากจะมีต้นทุนที่สูงแล้ว ยังมีผลต่อรสชาติของกาแฟที่ทำ, มีผลต่อปริมาณการทำกาแฟเสิร์ฟในแต่ละวัน และยังมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อกาแฟของผู้บริโภคอีกด้วย

โดยในวันนี้ บอนกาแฟ จะพามาสำรวจขั้นตอนในการเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟสำหรับผู้ประกอบการ ว่ามีหลักการ และปัจจัยอะไรบ้างที่ควรคำนึงก่อนตัดสินใจซื้อ

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับเครื่องทำกาแฟประเภทหลักก่อน โดยเครื่องทำกาแฟ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ได้แก่

1. เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine)
2. เครื่องทำกาแฟแคปซูล (Capsule Machine)
3. เครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ (Automatic Coffee Machine)

โดยเครื่องทำกาแฟที่ใช้ในวงการธุรกิจร้านกาแฟ คือ เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine) เป็นเครื่องทำกาแฟแบบกึ่งอัตโนมัติที่มีฟังก์ชันใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น การสกัดกาแฟ, การกดน้ำร้อน หรือการสตีมนมร้อนให้ได้ฟอง

โดยเครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine) อาจจะมีขั้นตอนการใช้งานที่มากกว่าเครื่องทำกาแฟแบบอัตโนมัติที่เราเห็นตามโรงแรม หรือตู้กดในห้างสรรพสินค้า แต่เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่จะทำให้เราได้คุณภาพ และรสชาติของกาแฟตามที่ต้องการมากที่สุด โดยรสชาติจะขึ้นอยู่กับความชำนาญของบาริสต้า, วัตถุดิบเมล็ดกาแฟที่ใช้ และแรงดันของแต่ละเครื่อง โดยในการสกัดช็อตกาแฟ หรือที่เรียกว่าช็อตเอสเพรสโซ่ในแต่ละครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดที่มีผลต่อรสชาติของน้ำกาแฟ คือแรงดันที่ใช้ในการสกัด และอุณหภูมิของน้ำร้อนที่ใช้

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าแรงดันที่เหมาะสมในการสกัดกาแฟที่ดีควรเป็นเท่าไหร่ เนื่องจากเครื่องทำกาแฟมีสเปคแรงดันที่แตกต่างกันออกไป แรงดันแต่ละบาร์มีผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร ?

แรงดัน คือการบังคับการสกัดกาแฟด้วยน้ำร้อน โดยแรงดันที่ดีที่สุดของเครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่จะอยู่ที่ 8 บาร์ ถึง 10 บาร์ (โดยตามมาตรฐานแล้วบาริสต้าจะปรับให้เป็น 9 บาร์) จึงจะทำให้ได้รสชาติของช็อตกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ดีที่สุด ซึ่งการใช้แรงดันที่สูงกว่านี้ อาจทำให้เมล็ดกาแฟถูกสกัดมากเกินไป จะทำให้กาแฟมีรสชาติฝาด ขม ไหม้ หรือที่เรียกว่า Over Extraction เพราะเหมือนเป็นการเร่งกระบวนการการสกัดกาแฟที่ทำให้เสียรสชาติที่ดีที่สุดของกาแฟไปได้

รวมไปถึงอุณหภูมิของน้ำร้อนที่ใช้ในการสกัดกาแฟควรอยู่ที่ 92 °C หากมากกว่านั้น จะทำให้กาแฟมีรสเข้มเกินไป อาจทำให้ขม และรู้สึกได้ถึงกลิ่นไหม้ได้ ในขณะเดียวกัน หากใช้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิต่ำเกินไป ก็จะทำให้สกัดกาแฟได้รสชาติที่จืด ฝาด และได้บอดี้ของน้ำกาแฟค่อนข้างน้อย

ทั้งนี้ รสชาติของกาแฟอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของของน้ำร้อนทั้งหมด แต่ปัจจัยอื่น ๆ ก็มีผลเช่นกัน เช่น สายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ, ระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟ หรือความหยาบของการบดเมล็ดกาแฟที่ใช้ในแต่ละครั้ง

การพิจารณาเลือกเครื่องทำกาแแฟ ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง?

ก่อนอื่น เราต้องสำรวจร้านกาแฟของเราก่อน

1. มีงบประมาณเท่าไหร่? –
ทุนตั้งต้นของเรามีอยู่เท่าไหร่ ควรเลือกเครื่องทำกาแฟในงบที่เหมาะสม (แต่ไม่ควรเลือกเครื่องที่ถูกไว้ก่อน เพราะจะทำให้เกิดปัญาหาการซ่อมแซมจุกจิกภายหลังตามมมา ให้คำนึงไว้เสมอว่าการเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟดี ๆ 1 ครั้ง เราสามารถใช้งานได้ยาวนาน 5 – 10 ปี)

2. ราคาขายของกาแฟแต่ละแก้วที่ตั้งไว้ ใช้ระยะเวลาคืนทุนนานหรือไม่? – การเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟ ราคาขายของเมนูส่งผลต่อการคืนทุนเป็นอย่างมาก หากขายกาแฟอยู่ในราคา 35 ถึง 70 บาท การเลือกเครื่องทำกาแฟที่มีมูลค่าหลักแสนก็อาจทำให้คืนทุนช้า

3. คาดการณ์จำนวนแก้วที่ขายในแต่ละวัน – เพราะเครื่องทำกาแฟแต่ละเครื่อง มีประสิทธิภาพในการชงต่อเนื่องไม่เหมือนกัน หากบริเวณที่ขายมีลูกค้าเยอะ แต่เลือกเครื่องทำกาแฟที่ประสิทธิภาพในการชงต่อวันน้อย ก็เสี่ยงทำให้เครื่องทำกาแฟเสียหาย ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษามากยิ่งขึ้น กลับกันหากทำเลที่ตั้งหรือสถานที่ขายมีลูกค้าน้อย แต่เลือกใช้เครื่องทำกาแฟที่มีราคาค่อนข้างสูง ก็ทำให้คืนทุนช้าเช่นกัน

4. ขนาดของร้าน – จะทำให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟที่มีขนาดพอดีกับเคาน์เตอร์ หรือโต๊ะวาง รวมไปถึงต้องศึกษาระบบการเดินน้ำ หรือท่อน้ำทิ้งด้วย

เครื่องทำกาแฟมีราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน บางยี่ห้อราคาถึงหลักล้านเลยก็มี
แล้วเครื่องทำกาแฟแบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับร้านของเราที่สุด ?

1. เลือกเครื่องทำกาแฟที่จำนวนหัวชงกาแฟเหมาะกับร้านของเรา
เครื่องทำกาแฟที่เราเห็นตามร้านกาแฟทั่วไป จะมีหัวชงตั้งแต่ 1 หัว, 2 หัว (ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก), 3 หัว สำหรับร้านกาแฟที่มีปริมาณลูกค้าเยอะ ร้านอาหาร หรือโรงแรม และบางเครื่องมีถึง 6 หัวชง (ซึ่งราคาค่อนข้างสูงมาก)

เครื่องทำกาแฟแบบ 1 หัวชง จะเหมาะกับร้านกาแฟอินดี้ ร้านเบเกอรี่ หรือร้านอาหารขนาดเล็ก ที่เสิร์ฟกาแฟไม่ถึง 50 แก้ว / วัน
เครื่องทำกาแฟแบบ 2 หัวชง เหมาะสำหรับร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ หรือร้านอาหารขนาดกลาง ที่เสิร์ฟกาแฟมากกว่า 50 แก้ว / วัน
เครื่องทำกาแฟแบบ 3 หัวชง เหมาะสำหรับร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ร้านอาหาร หรือธรุกิจโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ ที่เสิร์ฟกาแฟมากกว่า 300-500 แก้ว / วัน

ขนาดของหม้อต้มกาแฟ มีผลต่อประสิทธิภาพในการชงกาแฟอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เครื่องทำกาแฟที่มีขนาดหม้อต้มใหญ่จะทำให้รสชาติของกาแฟคงที่มากกว่าเครื่องทำกาแฟที่มีหม้อต้มขนาดขนาดเล็ก เพราะการสกัดเครื่องกาแฟแต่ละครั้งจะมีการดูดน้ำเข้าเครื่องเพื่อนำไปต้ม หากหม้อต้มกาแฟเล็ก หรือมีการสกัดกาแฟที่มากกว่าประสิทธิภาพของหม้อต้ม จะทำให้รสชาติของน้ำกาแฟไม่คงที่

2. ยี่ห้อของเครื่องทำกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อกาแฟในแต่ละร้าน เนื่องจากเครื่องทำกาแฟแบรนด์ดังจะมีประสิทธิภาพในการสกัดกาแฟออกมาได้มาตรฐานมากกว่า รวมไปถึงวัสดุ และความสวยงามของเครื่อง เมื่อผู้บริโภคเห็นยี่ห้อของเครื่องทำกาแฟที่ใช้ ก็จะเป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้ร้านกาแฟดูน่าสนใจ แสดงถึงความใส่ใจที่ร้านเลือกใช้ในการทำกาแฟ บรรยากาศของร้านดูที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น การเลือกเครื่องทำกาแฟแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จัก สามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่ากาแฟที่ถูกสกัดออกมาจะได้รสชาติมาตรฐาน รวมไปถึงรูปทรงของเครื่องทำกาแฟก็จะทำให้ภาพรวมของบรรยากาศร้านกาแฟสวยงามไปด้วย

3. ตัวแทนจำหน่าย มีความสำคัญมากเช่นกัน ควรเลือกซื้อเครื่องทำกาแฟจากบริษัทที่ได้มาตรฐาน มีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม รวมไปถึงการรับประกันตัวเครื่อง เนื่องจากเครื่องทำกาแฟถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่มีการเปิดใช้งานตลอดวัน เสี่ยงต่อการเสียหายและการสึกหรอได้

บอนกาแฟ เป็น Official Distributor ผู้นำเข้าแบรนด์เครื่องทำกาแฟหลากหลายแบรนด์ระดับโลก มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศถึง 24 สาขา พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร โดยช่างชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี, มี Warranty รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี และยังมีโปรแกรมผ่อนเครื่องทำกาแฟ กับ Lucky Leasing ได้นานสูงสุด 24 เดือน*
(*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

แนะนำ 5 เครื่องทำกาแฟจาก บอนกาแฟ

1. Bellezza รุ่น Bellona

ชนิดหม้อต้ม: หม้อต้มคู่
จำนวนหัวชง: 1 หัว
ความจุหม้อต้มสำหรับไอน้ำ: ขนาด 1 ลิตร
ความจุถังน้ำ:1.8 ลิตร
วัสดุประกอบตัวเครื่อง: สแตนเลส
การต่อน้ำ: แท้งค์น้ำ
การรับประกัน: 1 ปี

จุดเด่น
1. ใช้เวลาในการทำความร้อนเพียง 3 นาที
2. วัสดุทำจากสแตนเลส 100% เป็นมาตรฐานของทางแบรนด์ ทำให้เกิดการสกัดช็อตที่สมบูรณ์
3. เกจวัดแรงดันปั๊ม ออกแบบมาให้มองเห็นชัด ใช้งานง่าย
4. ปั๊มน้ำทำงานเสียงเบา ไม่รบกวนช่วงเวลาการทำงานของบาริสต้า
5. ระบบควบคุม P.I.D ช่วยทำให้ปรับอุณหภูมิการชงกาแฟได้ตามต้องการ
6. จับเวลาการสกัดกาแฟได้อย่างแม่นยำ ได้ช็อตกาแฟที่สมบูรณ์

ราคา 55,800.-

2. Bellezza รุ่น Inizio R

ชนิดหม้อต้ม: แลกเปลี่ยนความร้อน
จำนวนหัวชง: 1 หัว
ความจุหม้อต้ม: ขนาด 2 ลิตร
ความจุถังน้ำ: 2.4 ลิตร
วัสดุประกอบตัวเครื่อง : สแตนเลสสตีล
การต่อน้ำ : แท้งค์น้ำ / ระบบต่อน้ำตรง
การรับประกัน: 1 ปี

จุดเด่น
1. หัวชง E61 ออกแบบมาเพื่อช่วยให้กาแฟสกัดตัวได้ดีขึ้น
2. มีมาโนมิเตอร์สำหรับวัดแรงดันของหม้อต้ม และแรงดันการสกัดกาแฟ
3. จับเวลาการสกัดกาแฟได้อย่างแม่นยำ ได้ช็อตกาแฟที่สมบูรณ์
4. ระบบควบคุม PID : ช่วยทำให้ปรับอุณหภูมิการชงกาแฟได้ตามต้องการ
5. วัสดุทำจากสแตนเลส 100%

ราคา 80,100.-

3. La Marzocco รุ่น Linea Classic S AV

ชนิดหม้อต้ม: หม้อต้มคู่
จำนวนหัวชง: 2 หัว
ความจุหม้อต้มสำหรับไอน้ำ: ขนาด 7 ลิตร
ความจุหม้อต้มกาแฟ: 3.4 ลิตร
วัสดุประกอบตัวเครื่อง: สแตนเลส
การต่อน้ำ: ระบบต่อน้ำตรง
การรับประกัน: 1 ปี

จุดเด่น
1. ระบบหม้อต้มคู่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำกาแฟ และไอน้ำ
2. หัวจ่ายกาแฟเชื่อมต่อกับระบบหม้อต้ม ทำให้มีน้ำร้อนจากหม้อต้มกาแฟหล่อเลี้ยงเพื่อรักษาอุณหภูมิของการชงกาแฟให้คงที่ในทุกแก้ว
3. ระบบ P.I.D* แบบคู่ บาริสต้าสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ทั้งการสกัดกาแฟ และการทำไอน้ำ
4. ระบบวัดปริมาตรอัตโนมัติ
5. จอแสดงผลแบบดิจิตอล สำหรับบอกระยะเวลาการสกัดกาแฟ
6. วาล์วเปิดหัวจ่ายไอน้ำที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสตีมนม
7. เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น La Marzocco Pro App ได้

ราคา 342,000.-

4. La Marzocco รุ่น Linea PB X AV

ชนิดหม้อต้ม: หม้อต้มคู่
จำนวนหัวชง: 2 หัว
ความจุหม้อต้มสำหรับไอน้ำ: ขนาด 7 ลิตร
ความจุหม้อต้มกาแฟ: 2 x 1.3 ลิตร
วัสดุประกอบตัวเครื่อง: สแตนเลส
การต่อน้ำ: ระบบต่อน้ำตรง
การรับประกัน: 1 ปี

จุดเด่น
1. หม้อต้มสำหรับสกัดกาแฟแต่ละหัวชงแยกกัน ควบคุมอุณหภูมิแต่ละหัวชงได้ง่ายขึ้น
2. ระบบ Pre-Heating ลดเวลาในการทำความร้อน ชงกาแฟแบบต่อเนื่องได้มากขึ้น
3. ระบบ P.I.D สามารถควบคุมอุณหภูมิการทำเอสเพรสโซ่ได้
4. หัวจ่ายกาแฟเชื่อมต่อกับหม้อต้ม รักษาอุณหภูมิของการชงกาแฟให้คงที่ได้ทุกแก้ว
5. ตั้งโปรแกรมประหยัดพลังงาน เมื่อเครื่องอยู่ในโหมดสแตนด์บายได้

ราคา 501,500.-

5. La Marzocco รุ่น GB5 X AV

ชนิดหม้อต้ม: หม้อต้มคู่
จำนวนหัวชง: 2 หัว
ความจุหม้อต้มสำหรับไอน้ำ: ขนาด 7 ลิตร
ความจุหม้อต้มกาแฟ: 2 x 1.3 ลิตร
วัสดุประกอบตัวเครื่อง: สแตนเลส
การต่อน้ำ: ระบบต่อน้ำตรง
การรับประกัน: 1 ปี

จุดเด่น
1. ระบบหม้อต้มคู่เหมาะสำหรับทำกาแฟ และไอน้ำ ควบคุมอุณหภูมิแต่ละหัวชงได้ง่ายขึ้น
2. ระบบ Pre-Heating ลดเวลาในการทำความร้อน ชงกาแฟแบบต่อเนื่องได้มากขึ้น
3. ระบบ P.I.D แบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมอุณหภูมิทั้งหม้อต้มกาแฟและไอน้ำ
ทำให้รสชาติเอสเพรสโซ่เสถียร
4. หัวกรุ๊ป Piero ออกแบบระบบส่งน้ำ และตำแหน่ง Flow-Meter ใหม่ ทำให้อุณหภูมิของน้ำคงที่มากขึ้น
5. ท่อเป่าฟองนมระบบ Cool Touch สามารถจับได้โดยไม่ร้อน
6. ไฟสำหรับบาริสต้าแบบ LED ปรับความสว่างได้ 3 แบบ สำหรับโหมด Eco, On และ Brewing
7. ปรับอุณหภูมิความร้อนให้เหมาะสำหรับชงชาได้

ราคา 535,500.-

เครื่องทำกาแฟ Modbar Espresso Coffee Machine

MODBAR ESPRESSO AV

Less is More เรียบง่าย แต่ได้มากกว่า

Close Menu
×

Cart

Subscription

ลงทะเบียนเพื่อรับนิตยสาร bitter/sweet รูปแบบ e-magazine

รับข่าวสารโปรโมชั่นและอัพเดทกิจกรรมพิเศษจาก บอนกาแฟ ก่อนใคร

    ชื่อ-นามสกุล *

    อีเมล *

    รูปแบบการใช้งาน *

    [recaptcha]